ย่านชัมซิล ย่านแห่งครอบครัว

ย่านชัมซิล เป็นย่านที่มีไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของบรรดาผู้คนทุกรุ่นทุกวัย เนื่องจากมีสวนสนุกล็อตเต้เวิลด์ ซึ่งเป็นสวนสนุกในร่มขนาดใหญ่ที่มีไว้คอยต้อนรับผู้คนมากมายอยู่ที่นี้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยหากว่าเราเดินไปแล้วไปเจอะกับบรรดาเหล่าเด็กๆและพ่อแม่ที่พาลูกหลานมาที่นี้เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด และที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของ Star Avenue ที่มีเหล่าซุปเปอร์สตาร์จากแดนโสมทั้งหลาย มานั่งรอ ยืนรอ ให้เหล่าบรรดาแฟนๆไปประทับรอยฝ่าและเก็บรูปแบบแนบชิดกับหุ่นขนาดเท่าตัวจริงกันเลย

บริเวณรอบ ๆ สถานีชัมซิล ตรงทางรถไฟใต้ดินสาย 2 หรือสาย 8 จะถือเป็นศูนย์ย่อยของกรุงโซล ณ ที่นี่ เราจะพบ สวนสนุกล็อตเต้เวิลด์ (สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุด) และมีเยาวชนมาเที่ยวกันมากมาย สวนนี้จะประกอบด้วยการผจญภัยในสวนสนุกล็อตเต้เวิลด์ และเกาะมหัศจรรย์ซึ่งลอยอยู่กลางทะเลสาป มีศูนย์การค้า พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน โรงหนัง ลาน สเก็ตน้ำแข็ง โรงแรม และศูนย์กีฬา

หอประชุมนอริมาดังซึ่งอยู่กลางแจ้ง ริมทะเลสาปด้านหลังล็อตเต้เวิลด์ เป็นที่แสดงศิลปต่าง ๆ ถ้าเราเดินเล่นต่อไปทางตะวันออก เราก็จะมาถึงแท่นหลุมฝังศพ หินซกชนดง ของยุคแพ็กเจตอนต้น ซึ่งเราจะได้เห็นร่องรอยของเมืองหลวงฮันซองของอาณาจักรแพ็กเจยุคแรก รวมทั้งสุสานแพ็กเจในย่านบังอีดง และความเป็นอยู่ของผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ริมน้ำ

ในบริเวณใกล้เคียงจะมีตลาดขายส่งผลิตภัณฑ์ทางน้ำและการเกษตรชื่อว่าคารักดง และที่ถนนมุน จองดง โรดิโอ ก็มีสินค้าผลิตในเกาหลี และสินค้าต่างประเทศหรู ๆ ด้วยราคาย่อมเยาว์ ศูนย์กีฬาชัมซิลคือ สถานที่แข่งกีฬาเอเซียนเกมส์ในปี ค.ศ.1986 และกีฬาโอลิมปิคที่กรุงโซลในปี ค.ศ.1988  


ย่านชัมซิล

ที่มา
เกาหลี ตะลอนเที่ยว Dplus Guide
diamondshine.co.th
0 ความคิดเห็น

ย่านคังนัมสถานที่สำหรับคนรวยแบบหรูๆ


คังนัม (강남) เป็นย่านหนึ่งของกรุงโซล เกาหลี เป็นย่านที่เค้าว่ากันว่ามีคนรวยเยอะ อารมณ์ประมาณว่า ถ้าเราไปเล่าให้ คนอื่นฟังว่า ฉันมีบ้านอยู่แถวคังนัม คนฟังจะต้อง หูววววว จริงปะเนี่ย รวยจัง!! อย่างในปี 2007 ก็เคยมีผลสำรวจว่าค่าเช่าอพาร์ทเมนท์ หรืออาคารในย่านนี้แพงเป็นอันดับ 10 ของโลกเลยล่ะ!! (ย้ำว่าของโลกเลยนะ) ดังนั้นถ้าพูดถึง "คังนัมสไตล์" ก็หมายถึงอะไรที่หรูๆ นั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้ย่านนี้แพงก็เพราะว่า เป็นย่านใจกลางเมืองของกรุงโซลที่มี "สภาพแวดล้อมที่ดี" เช่น มีโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากมาย พ่อแม่หลายคนก็ยอมจ่ายแพงหรือยอมเป็นหนี้เพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนในย่านคังนัมได้ รวมถึงยังมีสำนักงานของบริษัทมากมายมาตั้งอยู่ย่านนี้ ดังนั้นทำให้อะไรๆ ก็แพงค่ะถ้าเทียบกับบ้านเรา พี่เป้ ว่าน่าจะอารมณ์ประมาณสีลม-สาทร

จริงๆ แล้วคนต่างชาติจะไม่ค่อยคุ้นเคยหรือได้ยินชื่อคังนัมเหมือนกับย่านอื่นๆ เช่น ตลาดเมียงดง ตลาดทงแดมุน เพราะจริงๆ แล้ว แถวคังนัมไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอะไรมากมายค่ะ ส่วนมากเป็นออฟฟิศ โรงเรียนกวดวิชา คลินิกศัลยกรรม(คลินิกดังๆ อยู่ย่านนี่ทั้งนั้น) แล้วก็พวกร้านอาหารหรูๆ แพงๆ ดังนั้นคนที่มาเดินแถวนี้ส่วนมากก็จะเป็นพวกหนุ่มสาวออฟฟิศซะส่วนใหญ่

ย่านคังนัม

ย่านคังนัม 13monkeyshouse.com

ที่มา dek-d.com

0 ความคิดเห็น

ย่านฮงแด อีแด ย่านนักช็อปในตำนาน

ย่านฮงแด เป็นย่านที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยฮงอิก เป็นย่านที่เหล่านักศิลปะและนักท่องราตรีต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากมีทั้งงานศิลปะที่ส่วนใหญ่เป็นศิลปะแนวสมัยใหม่จัดวางแสดงกันให้เกลื่อนบนถนนปิกัสโซ่ที่ขึ้นชื่อของย่านนี้

ผับ ร้านอาหารซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวมร้านหมูย่าง อีกทั้งยังมี แกลอรี่ บาร์ คาเฟ่ เรียงรายตามตรอกซอกซอยแทบจะตลอดทั้งย่าน ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้เป็นสีสันอย่างมากของย่านนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ย่านอีแด และบริเวณใกล้ๆกันนั้นยังมีอีกมหาวิทยาลัยอีวาหรือก็คือย่านอีแดนั้นเอง ตรงนี้นับเป็นตลาดสำหรับซื้อของที่ใหญ่มากอีกย่านซึ่งล้วนแล้วมีแต่ของอินเทรนด์ทั้งนั้น จึงได้รับความนิยมจากเหล่าสาวๆวัยรุ่นเกาหลีกันอย่างมาก และนอกจากนี้แล้วยังร้านอาหารรถเข็นเด็ดโดนใจมีให้เลือกกินกันอีกเพียบ แถมยังอร่อยทุกอย่างอีกด้วย

ย่านนี้เรียกรวมกันว่า ย่านฮงแด-อีแด เป็นแหล่งช็อปปิ้งของหนุ่มสาวชาวเกาหลีที่เราจะต้องปักหมุดและทำการจดบันทึกไว้เพื่อเป็นอีกหนึ่งรายการที่จะต้องไปให้ได้เมื่อไปเยือนกรุงโซล

ย่านฮงแด อีแด freestylekorea.com

ย่านฮงแด อีแด wutkate.com

ย่านฮงแด อีแด etudehousethailandblog.wordpress.com

ย่านฮงแด อีแด 

ที่มา หนังสือ เกาหลี ตะลอนเที่ยว จาก Dplus Guide
0 ความคิดเห็น

ตลาดเมียงดงแหล่งรวมคนชอบซื้อของ


ตลาดเมียงดง เป็นศูนย์รวมแฟชั่นล่าสุดของเกาหลี อะไรที่กำลังอินแทรนด์มาหาดูเลือกซื้อได้จากที่นี่ ตามถนน ตรอก ซอยในย่านนี้เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายเสื้อผ้าทั้งโลคอลแบรนด์ และแบรนด์เนมชื่อดัง รวมทั้งร้านขายเครื่องสำอาง เครื่องประดับ กระเป๋า วัยรุ่นที่มาเดินแถวนี้ แต่งตัวดูดี มีสีสันกว่าน่านอื่นๆหากอยากดูว่าสาวเกาหลีแต่งตัวแบบไหนสวยเพียงใด ต้องมาแอบดูแถวนี้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

สำหรับเราๆท่านๆคนไทย มาที่นี้รับรองว่าได้เจอคนไทยอย่างแน่นอน จนกระทั่งคนขายที่นี้พูดไทยได้คล่องมากเลยล่ะแม้จะไม่เป็ะแต่ก็ฟังได้รู้เรื่องแน่ๆ แถมบางร้านยังพนักงานที่เป็นคนไทยเพื่อคอยต้อนรับเราอีกต่างหาก

• ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งทั้ง Lotte Department Store, Migliore,Shinesegae เป็นต้น ร้านรวงรอบๆก็ตกแต่งดูดี มีสไตล์ สลับกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ ภัตตาคาร ที่ตกแต่งได้สวยงามน่ารัก เอาใจวัยรุ่นกันสุดๆ

• เมียงดง ยังเป็นศูนย์กลางของสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทเงินทุนต่างๆก็ตั้งอยู่แถบนี้ รวมทั้งสำนักงานใหญ่ของ Bank of Korea และสาขาของธนาคารต่างๆที่มีในเกาหลี อาทิ Hana Bank ,City Bank,Woori Bank,Korea Exchange Bank,Kookmin Bank,Korea First Bank เพราะฉะนั้นถ้าอยากแลกเปลี่ยนเงินตรา ก็มาที่นี่ได้

• บนเนินสุดถนนเมียงดง มีโบสถ์เมียงดง (Myeongdong Cathedal Church)เข้าไปชมความงามของสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ยุคใหม่ ที่ก่ออิฐถือปูนแนวตะวันตกหรือจะชมจากภายนอกห่างๆก็ได้ จะเห็นหอระฆังสูงถึง 45 เมตร โบสถ์นี้สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ.1898 คนนับถือศาสนาคริสต์กันมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด

เวลาเปิดบริการ
ร้านค้าส่วนใหญ่เปิด 07.00-21.00 น.
ห้างเปิด 10.00-21.00 น. (เวลาที่ควรมาเดินแถบนี้ต้องเป็นช่วงเย็นๆจนถึงช่วงกลางคืน)

 ย่านเมียงดง oceansmile.com

ย่านเมียงดง fotocoffees.com

ที่มา oceansmile.com

0 ความคิดเห็น

พระราชวังถ๊อกซู 500 ปี ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน


พระราชวังถ๊อกชูกุง (Deoksugung Palace)

ณ ตรงข้ามกับศาลากลางกรุงโซล คือพระราชวังถ็อกซูกุง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของพระราชวังของราชวงศ์โชซอน (1392-1910) พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้าชายวอลซา (1454-1488) ซึ่งเป็นพี่ชายของกษัตริย์ซองจอง แต่ในยุคสมัยของกษัตริย์องค์ต่อมาได้ใช้เป็นพระราชวังหลัก โดยเฉพาะในยุคของกษัตริย์โกจอง ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ก่อนสุดท้ายของราชวงศ์โชซอน ทรงประทับที่พระราชวังนี้ แม้แต่หลังจากที่ทรงถูกบังคับให้สละราชสมบัติโดยญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1907 พระองค์ทรงประทับอยู่ที่พระราชวังนี้จนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1919

กษัตริย์ซุนจองซึ่งเป็นโอรสและเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายได้พระราชทานชื่อพระราชวังนี้ซึ่งเรียกในปัจจุบันว่า ถ็อกซูกุง (ซึ่งแปลว่า พระราชวังแห่งอายุยืนยาวและมั่นคง) ด้วยความหวังว่าพระราชบิดาจะทรงพระชนม์ยืนยาวที่นี่

พระราชวังถ๊อกซู ru.wikipedia.org

หากเลี้ยวออกไปทางด้านใต้ของพระราชวังจากถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นี้ เราจะพบโบสถ์ของเมโทดิสต์ชื่อชุงดอง ซึ่งมีชื่อเสียงมาเป็นเวลาช้านาน และฝั่งตรงข้ามก็คือโรงละครชองดง ซึ่งมีการแสดงตลอดปี ใกล้พระราชวังจะพบจุดที่คนนิยมไปชมกันมากนั่นคือ พระราชวังเคียงฮุยกุง หอศิลป์โชซอนอิลโบ หอประชุมมุนฮวาอิลโบ โบสถ์แองกลิกันเก่าแก่ ที่ตั้งหน่วยทหารเดิมชาวรัสเซีย พิพิธภัณฑ์การเกษตร โรงละครนันทาและอื่น ๆ อีกมาก

เมื่อเดินมาสู่ประตูซุงเนมุน  (ซึ่งรู้จักกันทั่วไป ว่านัมแดมุน หรือประตูใต้)  จากประตูใหญ่ถ็อกซูกุง เราจะมาถึงย่านซัมซุงพลาซ่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอศิลปะโรแดงและศูนย์การค้า ส่วนอีกด้านหนึ่งของประตูซุงเนมุน คือตลาดนัมแดมุน ซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายส่งและขายปลีกนับร้อยร้าน และเป็นที่พึงพอใจที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ

พระราชวังถ๊อกซู english.visitkorea.or.kr

บริเวณพระราชวังถ็อกล็อกซูกุงจะมีสิ่งก่อสร้างที่น่าชมเป็นอันมาก เช่น ประตูหลักแทฮันมุน พระที่นั่งชุงวาจอนและท้องพระโรง และซกโชจอนอันเป็นสิ่งก่อสร้างแนวตะวันตกแห่งเดียวในบรรดาพระราชวังต่าง ๆ ในเกาหลี ซกโชจอนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หลวง ซึ่งเป็นที่เก็บสิ่งของที่ใช้ในพระราชวังในสมัยราชวงศ์โชซอน นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะถ็อกซูกุง ซึ่งแสดงผลงานทางศิลปะสมัยใหม่มากมาย

เบอร์โทร: 02-771-9951
วิธีการเดินทาง: จากสถานีซิตี้ฮอล ทางออกที่ 2, สาย 1 หรือสาย 2
เวลาให้บริการ: เวลา 09.00 น. – 18.00 น. (09.00 น. – 17.00 น. ระหว่างเดือน พ.ย. – ธ.ค.)
วันให้บริการ: วันจันทร์
ราคาค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 1,000 วอน / เด็ก 500 วอน (ซื้อเหมาราคา 5,000 วอน)

พระราชวังถ๊อกซู diamondshine.co.th

พระราชวังถ๊อกซู wetcasements.wordpress.com

ที่มา happytokorea.com
0 ความคิดเห็น

พระราชวังเคียงบก ที่เที่ยวเกาหลีที่แรกที่ไม่ควรพลาด


เที่ยวพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) หรืออาจเรียกว่าเคียงบกคุง (Gyeongbokgung) ก็ได้ (คุง แปลว่า พระราชวัง) เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุด โดยจุดเด่นของพระราชวังอยู่ที่สะพานและศาลากลางน้ำ แต่เสียดายที่ไปครั้งนี้เราไม่ได้เดินผ่านตรงนั้นเลย เพราะไปถึงตอนเที่ยง เริ่มหิวข้าวกันแล้ว ก็เลยเดินตะแคงขวาไปตลอด เพื่อทะลุไปยังพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea) ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เสียเข้าชมพระราชวัง 3,000 วอน ก็สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลีด้วยได้เลย

เดินทางโดยใช้ subway สายสีส้ม (line 3) ลงที่สถานีเคียงบกคุง (Gyeongbokgung) ออกทางออกหมายเลข 5 ซึ่งจะเห็นสัญญาณมาแต่ไกลเลยว่าเรากำลังจะย้อนไปดูอดีตแห่งความรุ่งเรือง เพราะขณะเดินออกมาก็จะเห็นการสร้างบรรยากาศที่ดูย้อนยุค มีประตู (คล้ายๆ ซุ้ม) ให้เดินผ่าน หรือบางคนก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ระหว่างทางเดินก็มีรูปข้าวของโบราณต่างๆ เช่นเครื่องปั้นดินเผา หรือรูปสลักหินปูน เป็นต้น

การเดินทางไปชมพระราชวัง
รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Gyeongbokgung (327) ทางออก 5 จากนั้นเดินตรงไปไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเจอประตู ควางฮวามุน

เวลาเปิด
09.00 - 18.00 น. ปิดทุกๆวันอังคาร (ระหว่าง พ.ย. - ก.พ. ปิดเวลา 17.00 น.)

ค่าเข้าชม
3,000 วอน / สำหรับผู้ใหญ่
1,500 วอน / สำหรับเด็ก
(ถ้าไปเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 ขึ้นไปลด 20%)



พระราชวังเคียงบก

ที่มา
kwandao
oknation.net


0 ความคิดเห็น

ของฝาก 10 อย่างยอดนิยมที่มักฝากซื้อเมื่อไปเกาหลี



1. ผลไม้สดในช่วงหน้าหนาวของเกาหลี ( ธันวาคม-มกราคม ) สตอเบอรรี่ ลูกใหญ่ รสหวานมากกก  สาลี่ลูกใหญ่หวานเช่นกันแต่ต้องรอช่วง Fall ( กันยายน-พฤศจิกายน ) สามารถซื้อขึ้นเครื่องได้  รสชาติผลไม้สองอย่างนี้ อร่อยสุด ราคาดีในช่วงหน้าของมัน..นับเป็นของฝากได้อย่างดี ..( บางท่านเคยบอกเอากลับไทยแล้วรสชาติไม่หวานต้องแล้วแต่ร้าน แล้วแต่เลือกนะคะ )


2. ของที่ระลึก ตั้งแต่ พวงกุญแจ ที่ใส่นามบัตร ที่ตัดเล็บ ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ไปยังช้อนตะเกียบและถ้วยสแตนเลสใส่ข้าว ของพวกนี้สามารถเป็นของฝากลูกน้องในที่ทำงานเพื่อนร่วมงาน ราคาไม่แพง นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกค่ะ

3. กิมจิ ....เป็น side dish ที่ทรงคุณค่า นอกจากทานกับอาหารยังสามารถ นำมาประกอบ เป็นอาหารได้อีกหลายอย่าง ลองใช้กิมจิใส่ในแกงส้มไทยซิค่ะอร่อยไม่แพ้ใคร รสชาติดีเปรี้ยวๆ หวานๆ  เราก็ทำทานที่บ้านบ่อยๆ

ของที่ระลึก oknation.net

4. โสมเกาหลี มาเกาหลี ไม่มีของฝากเป็นโสม เหมือนมาไม่ถึงนะค่ะ โสมเป็นส่วนผสมของสินค้าตั้งแต่ ของคาว หวาน ทานเล่น จนถึงเครื่องสำอางค์ เค้าเพิ่มคุณค่าของสินค้าได้ดีมาก  โสมจะมีกลิ่นและรสชาติเป็นรูปแบบเฉพาะจะขื่นๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบรสขม ( แบบเรา ) แต่กับบางคน กลิ่นและรสชาติไม่เป็นปัญหา ( เหมือนคุณสามีเรา ) โสมจัดเป็นรากไม้บำรุงสุขภาพ ..ว่ากันว่ารักษาได้ทุกอย่าง (สามารถหาอ่านได้ตาม web ความรู้และโฆษณาทั่วไป อะไรจะปานนั้น!!  ) เราแนะนำ ชาโสมชงน้ำร้อนดื่ม  เค้าว่าบำรุงเลือด ปรับหยิน หยางให้สมดุลทำให้แข็งแรง และดื่มได้อร่อยมากขึ้นในอากาศเย็นๆ..เป็นหนึ่งในของฝากให้ผู้หลัก ผู้ใหญ่ได้ดีค่ะ


5. เสื้อผ้าเกาหลี..แฟชั่นที่นี่มาไวไปไวและน่าสวมใส่ มาก  สังเกตว่าสาวๆ เกาหลีแต่งตัวเก่ง  แต่งได้น่าดู ไม่มากไม่น้อย หวานปนเทห์นิดๆ เราชอบนะคะ คนที่นี่ช่างแต่งตัว แม้กระทั่งคนสูงอายุก็แต่งตัวค่ะ  มาที่นี่ต้องซื้อเสื้อผ้าติดไปบ้างค่ะ คุณภาพผ้าดี ราคาอาจจะสูงเมื่อเทียบกับราคาเสื้อผ้าบ้านเรา แต่คัทติ้งเนี้ยบและมีสไตล์มากค่ะ


6. ม่าม่าเกาหลี..สารภาพว่าก่อนมาประจำการ ตุนม่าม่าไทย มาหลายลังมากๆ เพราะกลัวไม่มีรับทาน ..พอมารู้จักม่าม่าเกาหลี เล่นเอาลืมม่าม่าไทยไปเลยค่ะ ..เป็นม่าม่าซองใหญ่ เส้นหนานุ่มกว่า เลือกรสชาติแบบเผ็ดจะตรงกับรสชาติคนไทยชอบแค่เอาน้ำร้อนใส่ ท่วมเส้น รอแป็บหนึ่ง ..ไม่อยากบอกว่าเรารับทานเป็นอาหารกลางวันบ่อยมากๆ  อร่อยสุด ๆ
                                     
7. ผ้าปูโต๊ะคุณภาพดี..เกาหลีมีตลาดผ้าที่ขึ้นชื่อมาอย่างยาวนาน คุณภาพผ้าจะดีและราคาสมเหตุผล  เราได้สั่งตัดผ้าปูโต๊ะใหม่ พบว่าเนื้อผ้าหนา ซักแล้วไม่หด ( แต่ใช้เวลารีดนานหน่อย ) ประทับใจค่ะ จะสั่งตัดกลับไปให้ที่บ้านเหมือนกันเหมาะสำหรับเป็นของฝากคนใกล้ชิดและคุณแม่บ้านทั้งหลาย

8. รองเท้าผ้าใบแบบวัยรุ่น..เราไม่ได้สนใจมาก แต่ลูกสาวและเพื่อนๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ยืนยันว่ารองเท้าที่นี่สวย แบบล้ำและ ราคาถูกกว่าที่ขายในเมืองไทย ถ้ามีโอกาสมาเที่ยว ลองมาดูนะค่ะ
   

9. สาหร่ายอบกรอบ เป็นของทานเล่น เรารับทานมานานมาก อร่อย ทานง่ายราคาไม่แพง ..มีให้เลือกหลากหลายรสชาติแล้วแต่ความต้องการเจ้านี่น้ำหนักเบา  แต่ปริมาณบรรจุอาจกินเนื้อที่หน่อยค่ะ
                                   

10. เครื่องสำอางเกาหลี เป็นของฝากใจสำหรับทุกผู้ ทุกวัย  ไม่มีใคร ไม่รู้จัก เป็นของฝากที่ยอดนิยมที่สุด ..และก่อให้เกิดปัญหาน้ำหนักเกินมากที่สุด เป็นของฝากที่น่าใช้ที่สุด คุณภาพดี ราคาใช้ได้ มีมากมายหลายรายการ น่าลอง น่าใช้ละลานตาไปหมด  นับตั้งแต่ Base , ครีมลองพื้น ,moisturizer , toner แป้ง ลิปสติก ..สรุปว่าหมดทุกอย่าง  ..Skin product ตั้งแต่ศรีษะยันปลายเท้า หลายๆ ยี่ห้อเป็นที่รู้จักและราคาถูกเมื่อเทียบกับที่ซื้อในเมืองไทย Skin Food , Etudy Lanige , Missha , The Face shop ,Rojukis , Beauty Credit ..จาระไนไม่ไหว แต่ละยี่ห้อ สามารถหารีวิวอ่านได้  น่าซื้อ น่าใช้เป็นที่สุด

เป็นไงกันบ้างจ๊ะกับรายการสั่งซื้อของฝาก ช็อปกันเพลินไปเลย

ที่มา oknation.net
0 ความคิดเห็น

ก่อนไปเที่ยวเกาหลีต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างไปดูกัน


การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเกาหลี

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีอะไรหลายๆ อย่างมาแนะนำเพื่อนๆ ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวเกาหลีกันในช่วงอากาศหนาว โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีและรับมือกับเรื่องราวอันคาดไม่ถึงสำหรับเพื่อนๆ ดังนี้

เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
ผมไปเกาหลีในช่วงฤดูที่หนาวสุดๆ (ช่วงปีใหม่) แต่แปลกที่เห็นคนที่นั่นเขาไม่ค่อยใส่หมวกและถุงมือกันมากนัก ดูเหมือนเขาจะไม่หนาวกันเลยทั้งๆ ที่จริงแล้วอากาศหนาวอย่าบอกใคร หากเราจะพูดถึง เสื้อกันหนาวสำหรับไปเกาหลี นั้น ... ลำพังใส่เสื้อ 3 ชั้นยังเอาแทบไม่อยู่ ยิ่งเจอช่วงที่ลมพัดตลอดนั้นยิ่งทรมานจิต ผมจึงขอแนะนำว่าหากเราไปเที่ยวเกาหลีในช่วงปีใหม่หรือช่วงฤดูหนาวนั้น เครื่องแต่งกายที่แนะนำมีดังนี้ครับ

ชุดลองจอห์น สำหรับใส่ชั้นในสุด เนื่องจากเนื้อผ้าสามารถเก็บความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นผ้าบางๆ ก็ตาม หาซื้อได้ตามประตูน้ำและตลาดทั่วไป

เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สำหรับสวมเป็นชั้นที่สองต่อจากลองจอห์นครับ โดยที่ตัวเสื้อนั้นเป็นเสื้อยืดแขนยาวธรรมดาก็ได้ ส่วนกางเกงอาจจะเป็นกางเกงยีนส์หรือกางเกงวอร์มก็แล้วแต่

เสื้อกันหนาว เสื้อคลุม สำหรับสวมชั้นนอกสุด ควรเลือกเสื้อที่ด้านในเป็นขนเพราะว่าจะเก็บความอบอุ่นได้ดี เสื้อมีความหนา ป้องกันลมและความเย็นที่จะถ่ายเทจากอากาศภายนอกเข้าไปในเนื้อผ้าได้ เสื้อกันหนาวสำหรับไปเกาหลีนั้นควรจะพกไว้สองแบบ แบบแรกสำหรับเล่นหิมะ และแบบที่สองสำหรับเดินในเมืองเท่ๆ อาจจะเป็น Coat ก็ได้ไม่ซีเรียส

ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ รองเท้า และ Accessories ต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันความหนาวได้ เราไม่สามารถเลือก Accessories ประเภทแฟชั่นเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวได้ หลักๆ เลยคือเน้นป้องกันความหนาวเย็นไว้ก่อนเลยครับ เพราะผมเชื่อว่าคนไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีทุกคนมีความอดทนต่อความหนาวแบบโหดร้ายได้น้อยกว่าคนเกาหลีหลายเท่า

เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายทั้งหมดนี้หากเราขาดตกบกพร่องอย่างไรในการเตรียมตัวก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะว่าที่เกาหลีมีขายเยอะแยะมาก ราคาก็พอๆ กับบ้านเราเลย ขอเพียงมีชีวิตเดินทนหนาวออกจากสนามบินไปที่ร้านให้ได้เท่านั้นก็ไม่มีปัญหาครับ

เสื้อผ้าแฟชั่นในฤดูหนาวของคนที่นั่นต้องยอมรับจริงๆ ครับว่าเขาเป็นเมืองแฟชั่นโดยแท้ ปกติผมใส่ชุดกันหนาวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมว่าผมดูดีมากถ้าเทียบกับคนไทยด้วยกัน แต่พอไปถึงเกาหลี ผมดูถ่อยยังไงไม่รู้ รู้สึกแย่ๆ อยากเปลี่ยนชุด แต่เปลี่ยนไม่ได้ครับ คนเกาหลีนิยมใส่เสื้อ Coat ซึ่งมีช่องให้ลมเข้ามากกว่าเสื้อกันหนาว ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อใส่ทำเท่เหมือนคนอื่น แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสและต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าเราไม่ตกเทรนด์ แนะนำซื้อ Coat ไว้สักตัวครับ เพราะว่าของเขาเท่จริงๆ ราคาที่เกาหลีตีเป็นเงินบาทก็ตกอยู่ที่ 1,500-3,500 บาทครับ (ไม่ถือว่าแพงนะถ้าเทียบกับเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ที่มีขายในบ้านเรา)

มาดูที่แฟชั่นของผู้หญิงจะนิยมใส่กางเกงเลคกิ้งที่เหมือนถุงน่องบางๆ คู่กับ Coat พร้อมด้วยผ้าพันคอเป็น Accessories เสริม ใส่แล้วน่ารัก เดี๋ยวนี้บ้านเราเริ่มมีคนใส่เดินในห้างสรรพสินค้าให้เห็นกันบ้างประปราย

การเที่ยวเกาหลี aboutatrip.com

โลชั่น ครีมทาผิว ลิปสติก
สำหรับผิวหน้าและผิวกายที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ หากไม่ได้สวมถุงเท้าหรือเสื้อแขนยาวแล้วผิวแตกแน่นอนครับ ส่วนที่ผิวแห้งมากที่สุดมักจะเป็นใบหน้าบริเวณจมูก, ปาก, ท่อนแขนและท่อนขา เราจึงควรเตรียมโลชั่นไว้ทาบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ และพกลิปสติกหรือวาสลีนไว้ทาปากเพื่อไม่ให้ปากแห้งด้วยครับ อากาศหนาวมากๆ เรามักจะมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาอยู่บ่อยๆ หากพกทิชชู่ติดตัวไว้เช็ดด้วยจะดีมาก

แผนที่และข้อมูลการเดินทาง
สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านใดที่เดินทางมาแบบส่วนตัว (Private Travel หรือ Backpacker) ด้วยตนเอง จำเป็นที่จะต้องมีแผนที่หรือศึกษาข้อมูลการเดินทางให้ดีด้วยครับ (ไม่งั้นแล้วอาจจะหลงแบบผมได้) โดยเฉพาะข้อมูลจำพวกสถานีรถบัส รถประจำทาง และรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) ที่จะมีชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนสถานที่อื่นๆ มักจะเป็นภาษาเกาหลีหมดเลยครับ แม้กระทั่งชื่อโรงแรม ถ้าไม่ดังจริงก็ไม่มีภาษาอังกฤษครับ ใครอ่านได้ก็โชคดีไป

เกี่ยวกับผู้คนที่นั่น
คนเกาหลีส่วนมากนิสัยดีครับ ให้การต้อนรับและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเราอย่างมีน้ำใจ แต่ติดปัญหานิดหน่อยตรงที่คนที่นั่นเค้าก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรเลย ถึงแม้เราจะใช้ภาษาอังกฤษในการสอบถามข้อมูลเป็นบางครั้ง เค้าก็จะพูดกับเราเป็นภาษาเกาหลีตลอด ส่วนคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ เราก็มักจะฟังสำเนียงเขาไม่ค่อยออกอยู่ดี เค้าจะคล้ายคนญี่ปุ่นตรงที่จะติดสำเนียงใช้หางเสียง เช่น เราจะบอกว่าไปโรงแรม "City Park" หากเราพูดว่า "ซิตี้ พาร์ค" เขาจะไม่รู้ เราต้องบอกว่า "ซิตี้ พาร์ค เคอะ" เขาถึงจะรู้คับ (ลำบากจริง)

การซื้อสินค้า
เงินวอนที่นั่นเวลาซื้อสินค้าและบอกราคาเขาจะไม่เรียกวอนนะครับ ถ้าเป็นหลักพันจะเรียก "ชานอน" หรือ "ชอนนอน" ถ้าเป็นหลักหมื่นจะเรียก "มานอน" หรือ "มันนอน" (แล้วแต่คนถนัดออกเสียงครับ) โดยมีหลักการอ่านตัวเลขเบื้องต้นดังนี้

0 = ยอง
1 = อิล
2 = อี
3 = ซัม
4 = ซา
5 = โอ
6 = ยุก
7 = ชิล
8 = พัล
9 = คู
10 = ชิบ

เช่นสินค้าราคา 3,000 วอน เจ้าของร้านจะบอกราคาว่า "ซัมชานอน" ครับ
เช่นสินค้าราคา 30,000 วอน เจ้าของร้านจะบอกราคาว่า "ซัมมานอน" ครับ

หากพูดเกาหลีไม่ได้ก็ไม่ต้องห่วงครับ ที่ร้านค้าเขามักจะมีเครื่องคิดเลขไว้กดราคาให้นักท่องเที่ยวมึนๆ อย่างเราดูครับ หากเป็นห้างสรรพสินค้าหรือ Minimart ก็สามารถดูยอดเงินได้จากเครื่องเลยครับ

ค่าเงินเหรียญและแบงค์
เงินเหรียญที่เรามักจะเห็นและได้ใช้บ่อยๆ ก็มี 50, 100, 500 วอน
เงินแบงค์ที่ใช้อยู่บ่อยๆ ก็จะมี 1000, 5000, 10000, 50000 วอน

ในการซื้อสินค้าที่เกาหลีแนะนำว่าให้ใช้เหรียญให้หมดครับ เพราะว่าไม่สามารถนำเหรียญกลับมาแลกเป็นเงินไทยได้ (อาจจะมีบางที่รับแลกแต่ก็หายากมาก) ส่วนเงินแบงค์นั้นสามารถแลกได้ตาม Rate ปกติครับ

ราคาค่าสินค้า ของกินของใช้
ด้วยเหตุผลที่ว่าค่าแรงที่นี่มักจะแพงกว่าประเทศไทยก็เลยทำให้ค่าครองชีพแพงไปด้วย แต่ว่าจะแพงเป็นบางอย่างครับ เช่นพวกอาหาร ส่วนสินค้าอื่นๆ ประเภทเสื้อผ้า ของใช้ ราคาจะพอๆ กับบ้านเรา และของบางอย่างอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญของเราคือน้ำเปล่าครับ หากซื้อร้านค้าข้างนอกราคาจะอยู่ที่ 1,000-1,500 วอน/ขวด หากซื้อตามจุดท่องเที่ยวราคาจะชาร์จไปถึง 2,500-4,500 วอน/ขวด (เป็นน้ำเปล่าขวดเล็กขนาดประมาณน้ำเปล่าขวดละ 8 บาทบ้านเรา) ซึ่งเมื่อเทียบราคากับน้ำผลไม้แล้วพอๆ กันครับ น้ำผลไม้บางอย่างถูกกว่าน้ำเปล่าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะน้ำแอปเปิ้ล, น้ำพีช, น้ำสัปปะรด เราจึงหายสงสัยได้เลยว่าทำไมไปเกาหลีแล้วกินน้ำผลไม้แทนน้ำเปล่าได้สบายๆ

ถ้าถามว่า "แล้วอย่างนี้ควรเตรียมเงินไปเที่ยวเกาหลีเยอะมากไหม?" ต้องขอตอบว่า "แล้วแต่การช็อปปิ้งของเราครับ" ถ้าไปเที่ยวแบบชิลๆ ซื้อของฝากกลับบ้านบ้างเล็กน้อย ผมคนเดียวพกไป 10,000 บาท (ถ้าคิดเป็นเงินไทย) ยังเหลือกลับมาเลยครับ (ไม่รวมค่าเครื่องบินและค่าที่พักนะ) แต่ถ้าคิดว่าจะไปช็อปปิ้ง เที่ยวจุใจ เครื่องเล่นต่างๆ กินร้านอาหารดีๆ ซื้อของฝากมากมาย ก็พกสัก 25,000 บาท ขึ้นไปจะดูไฮโซมาก

จริงๆ แล้วของที่เกาหลีก็ไม่ต่างจากของในไทยน่ะครับ บางอย่างแพงกว่า บางอย่างถูกกว่า ให้เทียบการใช้จ่ายในไทยดูก็ได้ ถ้าคิดว่าเราเที่ยวในไทยสัก 3-5 วัน เราใช้เงินเท่าไร ไปเกาหลีก็ใช้เท่านั้นครับไม่ต้องซีเรียส ทุกอย่างไม่แพงอย่างที่คิด แต่ที่แนะนำให้พกไปเผื่อก็คือ เวลามีเหตุฉุกเฉิน เช่น ป่วยเข้าโรงพยาบาลหรือเงินหายหรือเรื่องราวต่างๆ จะได้ใช้เงินสำรองแทนได้ไม่มีปัญหาครับ

ปลั๊กไฟ
ปลั๊ก Universal (เต้าเสียบที่เสียบได้ทั้งปลั๊กแบบกลมและแบบ) ซื้อจากพันทิพย์หรือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เลยครับ มิเช่นนั่นแล้วกล้องถ่ายรูป, มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าของท่านจะเดี้ยงสนิท (ผมเคยกากมาแล้ว) เพราะที่เกาหลีไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก โรงแรม รีสอร์ท ต่างๆ เป็นเต้าเสียบแบบปลั๊กกลมด้วยกันทั้งสิ้น หากใครสงสัยว่าปลั๊กกลมเป็นแบบไหน สามารถหยิบเตารีดขึ้นมาดูได้ครับ ที่มี 3 รู ปลั๊กแบบนั้นล่ะครับที่คนเกาหลีนิยมใช้กัน

ที่มา 108trips.com

0 ความคิดเห็น
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. ทัวร์เกาหลี เที่ยวเกาหลี - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger